..บางคนก็อาจจะพักผ่อนด้วยการช็อป
..บางคนอาจจะเพิ่มความสุขด้วยการกิน
แต่สำหรับเราความสุขมันดันอยู่ที่ ‘การเดินทาง’ และการเดินทางครั้งนี้จึงมีปลายทางอยู๋ที่ ‘สวิตเซอร์แลนด์’ ถ้าให้สารภาพตามตรงก็คือ ค่าตั๋วมันถูกแสนถูก จ่ายแบงค์พันไป 13 ใบ ก็ยังมีเงินถอนเหลือเข้ากระเป๋าอีกด้วย
..บางคนอาจจะเพิ่มความสุขด้วยการกิน
แต่สำหรับเราความสุขมันดันอยู่ที่ ‘การเดินทาง’ และการเดินทางครั้งนี้จึงมีปลายทางอยู๋ที่ ‘สวิตเซอร์แลนด์’ ถ้าให้สารภาพตามตรงก็คือ ค่าตั๋วมันถูกแสนถูก จ่ายแบงค์พันไป 13 ใบ ก็ยังมีเงินถอนเหลือเข้ากระเป๋าอีกด้วย
เราได้ยินคนพูดอยู่บ่อยๆ ว่าสวิตเซอร์แลนด์คือดินแดนในฝัน ตอนเห็นในรูปมันก็สวยดีอยู่แหละ แต่ก็คิดเสมอว่ารูปพวกนั้นคงแต่งสีกันเว่อร์วังอลังการ ของจริงอาจจะไม่เท่าที่เห็นในรูป ...จนกระทั่งได้เจอของจริง มาดูกันว่า 9 วันในทุ่งลาเวนเดอร์นี้จะเป็นยังไงบ้าง
คงปฏิเสธไม่ได้จริง ๆ ว่าสวิตเซอร์แลนด์คงจะเป็นประเทศในฝันของหลาย ๆ คน แม้ว่าค่าครองชีพที่นี่จะสูงพอ ๆ กับตึกใบหยก แต่คุณภาพชีวิตที่คนในประเทศนี้ได้รับก็สูงเทียบเท่ากับตึกใบหยกสอง (สูงในสูงไปอีกกก) และแน่นอนว่าธรรมชาติของที่นี่ก็ทำให้มนุษย์เงินเดือนอย่างเราฟินเว่อร์! แค่ยืนหายใจอยู่ริมทะเลสาบก็รู้สึกดีแล้ว เหมือนธรรมชาติและอากาศดี ๆ ช่วยบำบัดความเครียดจากงานที่สะสมมานานแรมปี ใครจะไปคิดว่าวิวตรงหน้าที่เห็นจะช่วยเติมพลังให้มนุษย์เงินเดือนอย่างเราได้ขนาดนี้
ตั้งแต่เครื่องยังไม่ลงรันเวย์ มองจากบนฟ้ายังสวย ไอความคิดที่ว่าสวิตเซอร์แลนด์แดนโฟโต้ช็อป ก็หายไปจากหัวทันที มันสวยมากกกกกกกก
ในช่วงที่เราไปเป็นช่วงฤดู Autumn ของสวิตเซอร์แลนด์พอดี เลยได้เจอกับใบไม้หลายสีเต็มไปหมด สีแดง สีเหลือง สีเขียว ยังกะไฟจราจร (ไม่ไช่!!) บวกกับท้องฟ้าสีสดใสในวันที่อากาศดี ๆ เลยอดใจไม่ไหวต้องแวะจอดรถข้างทางแล้วควักโทรศัพท์ออกมาเก็บภาพไว้ซักหน่อย ก่อนจะรีบกลับบ้านไปเก็บข้าวของ แล้วออกไปขับรถชมวิวในระแวกใกล้ ๆ บ้าน
..
"Ahorn-Alp" |
"Ahorn-Alp"
Ahorn-Alp เป็นภูเขาที่คนส่วนใหญ่นิยมมาเดินเล่นกันค่ะ เท่าที่สังเกตด้วยตาเปล่า จะไม่ค่อยเห็นคนไทยมากนัก ส่วนใหญ่จะเป็นชาวสวิตฯเสียมากกว่าที่พากันมาเดินเล่น เห็นเขาเดินเราก็เดินค่ะ เดินไปเรื่อยกันสองคน แฟนเราก็พูดนู้นพูดนี่ไป อธิบายทุกอย่าง จนกระทั่งนางบอกว่านางมีเซอร์ไพร์ส ... ฮุ้ววววว มีเซอร์พ๊ง เซอร์ไพร์ส แล้วก็เซอร์ไพร์สจริงๆ ร้านอาหารที่นางตั้งใจพามา ดันปิด!! 55555555555555
"Ahorn-Alp"
|
อย่างที่บอกไปว่าเรามาที่นี่ในช่วง Autumn ภูเขาต่างๆ จึงล้วนเป็นสีเขียวแซมเหลืองแดงผสมกันไป แต่ถ้าหากใครมาช่วง Winter บอกเลยว่าได้ฟีลอีกแบบแน่นอน เพราะทุกที่จะปกคลุมไปด้วยสีขาว คนส่วนใหญ่จึงนิยมมาเล่นสกีกัน
"Ahorn-Alp" |
"Ahorn-Alp"
|
..
"Blausee" |
"Blausee"
ทะเลสาบสีน้ำเงินแห่งนี้น่าจะเป็นอีกหนึ่งแลนด์มาร์กที่นักท่องเที่ยวชาวไทยส่วนใหญ่นิยมมา Check-in เพราะตั้งแต่เราก้าวขาเข้าไป เราก็ได้ยินสำเนียงบ้านเกิดลอยมาแต่ไกล ที่นี่เป็นทะเลสาบขนาดย่อมๆ มีน้ำใสปิ๊งและสีสวยมาก ตอนที่แดดตกกระทบสีน้ำก็ระยิบระยับสวยสุดๆ บวกกับเป็นช่วงใบไม้เปลี่ยนสีด้วย ที่นี่จึงเต็มไปด้วยสีสันตามธรรมชาติสวยงามตามท้องเรื่อง (ค่าเข้าชม 8,00 CHF)
"Blausee" |
"Blausee" |
และหากสังเกตดีๆ จะพบรูปปั้นหญิงสาวอยู่ในน้ำ ที่มีตำนานเล่าว่า..มีคู่รักคู่หนึ่งที่มักจะมานัดพบกันที่ทะเลสาบแห่งนี้เป็นประจำ จนกระทั่งวันหนึ่งฝ่ายชายดันมาตายจากไปเสียก่อน หญิงสาวจึงมาร้องไห้คร่ำครวญหาคนรักอยู่ที่ทะเลสาบแห่งนี้จนน้ำในทะเลสาบกลายเป็นสีฟ้าจากน้ำตาของเธอ นับว่าเป็นอีกตำนานที่เศร้าไม่แพ้กับหลายๆ ตำนานในบ้านเราเลย
"Blausee" |
และยังมีพื้นที่ในอุทยานให้เราได้เดินชมสำรวจธรรมโดยรอบได้อีกด้วย และเราก็ได้พบกับบ่อน้ำในตำนานอีกอัน เขาบอกกันว่าถ้าเราหันหลังโยนเหรียญลงบ่อน้ำนี้ได้ คำอธิฐานของเราจะเป็นจริง ..เรามองหน้าแฟนแล้วยิ้มแก้มแทบแตก ภาวนาในใจว่าถ้าแต่งงานขอแต่งกันคนนี้เถอะ! อีผี โยนเหรียญไม่ลง สุดท้ายหันมาเขวี้ยงเหรียญลงน้ำด้วยความเกรี้ยวกร้าด 5555555
นอกจากจะเป็นทะเลสาบแล้วที่นี่ยังเป็นเหมือนแห่งอนุบาลปลาเทราห์อีกด้วย และในช่วงเดือนตุลาเป็นช่วงที่ปลาเทราห์ในทะเลสาบที่เลี้ยงไว้ จะโตเต็มที่ และเปิดให้ชาวสวิตได้เข้าไปตกปลากันได้ ในส่วนนี้ก็มีค่าบริการเพิ่มเติมนะ)
นอกจากจะเป็นทะเลสาบแล้วที่นี่ยังเป็นเหมือนแห่งอนุบาลปลาเทราห์อีกด้วย และในช่วงเดือนตุลาเป็นช่วงที่ปลาเทราห์ในทะเลสาบที่เลี้ยงไว้ จะโตเต็มที่ และเปิดให้ชาวสวิตได้เข้าไปตกปลากันได้ ในส่วนนี้ก็มีค่าบริการเพิ่มเติมนะ)
"Restaurant Blausee" |
หลังจากเดินจนเหนื่อยถ่ายรูปจนเมมแทบเต็ม คุณแฟนผู้รู้ดีแล้วว่าพยายามเซอร์ไพร์สไปไม่ช่วยอะไร เพราะนางป้ำเป๋อๆ จะเซอร์ไพร์สอะไรฉันก็รู้ทันย่ะ ก็เลิกเซอร์ไพร์สแล้วบอกตรงๆ เลยว่าจะพาไปกินของขึ้นชื่อของที่นี่นั่นก็คือ ‘ปลาเทราห์’ แต่บอกต่งงงงง อยากเอากลับไปให้ย่าแกงที่บ้านมาก เราไม่ค่อยถูกปากกับอาหารยุโรปจริงๆ
..
"Brienzersee"
"Brienzersee/Lake Brienz" |
"Brienzersee/Lake Brienz" |
..
"Luzern City"
วิ่งเล่นแถบชานเมืองมาหลายที่แล้ว ในที่สุดคุณแฟนก็พาเข้าไปชมความสวยงามของเมืองสวิตกันบ้าง สังเกตได้ว่าคนที่นี่เขาจะไม่ค่อยมีปัญหาเรื่องจราจรมากนัก (มีบ้างนิดหน่อยในเมืองที่รถติด) แต่พวกปัญหารถจอดข้างทาง จอดในพื้นที่ห้ามจอด อะไรแบบนี้มันไม่ค่อยมีเท่าไหร่ คือถ้าจอดข้างทางก็ต้องอยู่ในพื้นที่ที่สามารถจอดได้เท่านั้น และต้องจ่ายเงินค่าจอดรถด้วยตัวเองที่ตู้ เราเห็นปุ้บก็คิดทันทีว่าถ้าเป็นที่ไทย ไอตู้นี้มันอาจจะขึ้นราพังไปเลยก็ได้ เรื่องความซื่อสัตย์ของผู้คนที่นี่ไม่จำเป็นต้องให้ใครมาบอก
เข้ามาเดินเล่นในเมืองรอพระอาทิตย์ตก และเราก็เจอกับ 'งานวัด' ค่ะ ไม่ว่าภาษาอังกฤษจะเรียกว่าอะไร แต่สำหรับเราเราเรียกมันว่างานวัด 55 คือมันน่ารักมาก เหมือนงานวัดเวอร์ชั่นสวิต มีขนมขายเต็มไปหมด มีเยลลี่ช็อกโกแลตเพียบ! ปล่อยมือแฟนแล้ววิ่งไปหาหนมกินให้ไวเลยจ้า
"Luzern City" |
|
"Luzern City" |
ดึกๆ หน่อยก็แวะไปบาร์ในเมือง เพื่อดูมินิคอนเสิร์ตจากเลิฟเวอร์บอย 'ภูมิ วิภูริศ' นักร้องขวัญใจฉันเองงง แต่อยู่ฟังน้องได้ประมาณครึ่งทางก็ต้องขอตัวกลับบ้านก่อน บ้ายบายหน่องภูมิ
..
"Roadtrip to Nendaz" |
"Nendaz,Sion"
หลังจากที่หนีน้องภูมิกลับบ้าน เช้าวันต่อมาก็ต้องตื่นเช้าสุดๆ เพื่อเตรียมตัวไป Roadtrip กับแก๊งเจ้าถิ่น โดยปลายทางของครั้งนี้คือ Nendaz นั่นเอง
จริงๆ แพลนแรกเราตั้งใจจะไป Jungfrau แต่พอคำนวนค่าใช้จ่ายแล้วมันแอบเสียดายเงิน พ่อหนุ่มเจ้าถิ่นก็เลยบอกแคนเซิลแพลนเดิมไป โดยที่ไม่เล่าอะไรให้เราฟัง เราก็แบบงื้มๆ ไม่ไปก็ได้ไม่ได้เสียดายอะไร แต่พวกนางดันมาเซอร์ไพร์สพาไป Nendaz แทน
"Roadtrip to Nendaz" |
"Roadtrip to Nendaz" |
"Roadtrip to Nendaz" |
Nendaz นับว่าเป็นสถานที่เล่นสกีสุดฮิตอีกแห่งในสวิตเซอร์แลนด์ ถ้าเรามาเที่ยวช่วง Winter เราจะสามารถสกีลงมาได้ตั้งแต่หน้าบ้านพักของเราเลย แต่แน่นอนว่าในฤดูนี้คนค่อนข้างน้อย เพราะไม่ใช่ High Season ของที่นี่แต่ก็ยังสวยงามมากเช่นกัน
นอกจากจะเป็นทริปเที่ยวสนุกๆ แล้วยังเป็นเหมือนทริปเปิดตัวยังไงไม่รู้ เมื่อเหล้าลงคอ แอลกอฮอลล์เข้าปากความสนุกก็เริ่มขึ้น เราโดนเพื่อนแฟนสแกนทุกเรื่อง ทุกคำถาม
..เจอกันที่ไหน
..เจอกันได้ไง
นางบอกว่าเราบ้าค่ะที่สักคู่กับแฟน ส่วนตัวเราไม่ได้ซีเรียสอะไรเพราะที่สักมันไม่ใช่ชื่อแฟนเรา แต่มันเป็นพิกัดของเดทแรกของพวกเรา แล้วนางยังเล่าอีกว่าตอนแรก ไม่ไว้ใจเราสักนิด เพราะแฟนเรามันดันบินมาหาเราก่อนแล้วไปพูดกับเพื่อนทำนองว่า 'กูไปหาสาวไทยคนนึงนะ' แล้วไปคนเดียว คนไม่เคยเจอกัน เราเป็นใครก็ไม่รู้ พวกนางก็ห่วงเพื่อนกันใหญ่ แต่เรากลับรู้สึกประทับใจพวกนางมากขึ้น มันบ่งบอกเลยว่าพวกเขาเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันจริงๆ ถึงได้เป็นห่วงกันขนาดนี้ จนถึงคราวที่เรามีโอกาสได้อธิบายในส่วนของเราให้พวกนางฟัง พวกนางก็รับฟังแล้วบอกว่าเรากับแฟนช่างเป็นคู่ที่เครซี่จริงๆ 5555555
ผ่านพ้นไปหนึ่งคืน ตอนเช้ามืดตั้งใจว่าจะไปดูพระอาทิตย์ขึ้นด้วยกัน แต่ The sunnnn, Where are you? (พระอาทิตย์ดันขึ้นอีกมาจากด้านหลังบ้านแทน พวกเราไปรออยู่หน้าบ้าน) สุดท้ายกลับไปนอนจ้ะ นอนไปยันเที่ยงเลยจ้ะวันที่ 2 ที่ Nendaz พวกเราไม่ได้ทำอะไรกันมากค่ะ แค่ลงไปในเมือง Sion เพื่อซื้อวัสถุดิบสำหรับมื้อเย็นที่คุณแฟนเราจะเป็นคนโชว์ฝีมือเอง นางจะทำฟองดูให้กินจ้าาาา ภาพชีสยืดๆ ก็ลอยเข้ามาให้หัวเรา
"Roadtrip to Nendaz" |
วินาทีแรกเราตื่นเต้นกับฟองดูชีสมากๆ แต่พอกินไปได้สักพัก เราก็เริ่มหันไปหยิบ 'น้ำจิ้มสุกี้' มาจิ้มกับชีส 55555 เล่นเอาฮากันทั้งวง ที่เราสามารถกินน้ำจิ้มสุกี้ได้กับทุกๆ อย่าง (ทุกวันนี้ใครที่เจอน้ำจิ้มสุกี้ก็มักจะถ่ายรูปส่งมาแซวเราอยู่บ่อยๆ)
..ความสุขมีขีดจำกัด เราใช้เวลาอย่างเต็มที่อยู่ที่นี่ ทุกๆ วันมีความสุขมาก สุขที่ได้มาพักผ่อน สุขที่ได้เจอหน้าแฟนอีกครั้งหลังจากไม่ได้เจอกันมานาน 2 เดือน ใครที่มีรักทางไกลน่าจะเข้าใจดีว่าวินาทีที่ได้อยู่ด้วยกันมันมีค่ามากๆ มากกว่าจะต้องมานั่งทะเลาะหรือเถียงกัน เมื่อความสุขมันได้ทำหน้าที่ของมันอย่างเต็มที่แล้วก็ถึงเวลาที่มันต้องจากไป 9 วันในทุ่งลาเวนเดอร์ต้องปิดฉากลงแล้ว เตรียมตัวกลับมาเผชิญความจริงของกรุงเทพมหานครอีกครั้ง แต่รู้แหละว่ายังไงก็ได้กลับไป (สวิตเซอร์แลนด์) อีกแน่นอน :D
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น